ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
Breast Augmentation
ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
Breast Augmentation
ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
Breast Augmentation
การผ่าตัดเสริมหน้าอกมีชื่อทางการแพทย์ว่า “Mammoplasty” เป็นกระบวนการผ่าตัดเพิ่มขนาดหน้าอก หรือแก้ไขรูปร่างของหน้าอกให้เป็นไปตามความต้องการของคนไข้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเล็กเกินไป ทำให้ขนาดของหน้าอกกลับมาสวย สมบูรณ์ เนื่องจากบางท่านหน้าอกอาจเล็กลงหลังจากการมีบุตรได้
นอกจากนี้ยังแก้ไขรูปร่างหน้าอกที่ผิดปกติ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดมะเร็ง หรือเนื้องอกเต้านม หน้าอกไม่ได้รูปให้สวยงามขึ้น รวมไปถึงเพื่อแก้ไขหรือเสริมหน้าอกที่หย่อนคล้อย และหน้าอกที่สูญเสียความเต่งตึงให้กลับมาเต่งตึงดังเดิม ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับการผ่าตัดเสริมหน้าอกคือผู้ที่กำลังต้องการปรับปรุงทรวงอกของตนให้ดูดีขึ้น อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการเสริมหน้าอกเทียมด้วยถุงซิลิโคนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม
นอกจากนี้ คุณควรจะทราบว่าการตั้งครรภ์จะทำให้ขนาดของหน้าอกเปลี่ยนแปลงไปได้ และอาจจะส่งผลต่อรูปร่างหน้าอกที่เสริมได้บ้าง แต่ไม่มีรายงานใดกล่าวว่า การเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนมีผลต่อการตั้งครรภ์ คุณจึงสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ
ทำไมต้อง “เสริมหน้าอก” ที่ TNC ?
“Breast Augmentation“
- ด้วยเทคนิคเฉพาะของเทคนิค TNC ทำให้ แผลเล็ก หายเร็ว ไม่ต้องนวด และผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถเลือกวัสดุซิลิโคน และตำแหน่งแผลได้ตามความต้องการ
- ผลลัพธ์หลังทำ “หน้าอก” จะมีความเป็นธรรมชาติสูง
- เน้นแก้ไขเป็นรายบุคคล โดยแพทย์จะตรวจ และวิเคราะห์โครงสร้างก่อนทำการผ่าตัดทุกราย
- ศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เป็นที่ยอมรับทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
- ทุกขั้นตอนจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ อาทิ ศัลยแพทย์, วิสัญญี, พยาบาลวิชาชีพ ฯลฯ เป็นต้น
- ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ และวัสดุอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เป็นที่ยอมรับระดับสากล ปลอดภัย เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชิ้นปลอดเชื้อ
- นอนพักฟื้นหลังศัลยกรรม ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
- นัดตรวจติดตามอาการหลังศัลยกรรม 7 วัน , 1 เดือน , 3 เดือน และ 6 เดือน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- โปรดแจ้งประวัติการแพ้ยา หรือตัวยาและอาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบ โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลและแจ้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วย และห้ามงดยาควบคุมความดัน ยาควบคุมเบาหวาน รวมถึงยาเพื่อการรักษาโรคประจำตัวเดิม
- รับการตรวจสภาพร่างกาย ตรวจเต้านมหาความผิดปกติก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
- งดแอสไพริน (aspirin), ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัดทำหน้าอก ไม่ว่าที่ไหนดีก็ตาม
- งดสูบบุหรี่ก่อน-หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 2 อาทิตย์
- เตรียมเสื้อเชิ้ตที่มีกระดุมหน้า เพื่อง่ายต่อการสวมใส่หลังเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอกใช้การวางยาสลบเพื่อให้หลับตลอดกระบวนการผ่าตัด สำหรับกระบวนการใส่ถุงเต้านมเทียมเพื่อเสริมหน้าอกนั้นอาจใส่ไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกหรืออยู่บนกล้ามเนื้อหน้าอกก็ได้ โดยมีบาดแผลการผ่าตัดขนาดน้อยกว่า 2 นิ้ว ถูกกำหนดวางไว้ที่รอยย่นใต้รักแร้ รอบปานนมหรือฐานเต้านมก็ได้ เมื่อผ่าตัดผ่านผิวหนังไปแล้ว แพทย์จะสร้างช่องใต้เต้านมหรือใต้กล้ามเนื้อหน้าอกเพื่อที่จะใส่ถุงเต้านมเทียมเข้าไป โดยปกติการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
1. ไม่มีปัญหาใหญ่ใดๆ มากนักในการผ่าตัดเสริมหน้าอก แต่การผ่าตัดทุกชนิดย่อมมีอัตราเสี่ยงเสมอ เช่นเดียวกันการผ่าตัดเสริมหน้าอกอาจจะเกิดเลือดคั่งรอบๆ เต้านมเทียม ซึ่งอาจจะต้องผ่าหรือดูดออก เมื่อเกิดการติดเชื้อ ตำแหน่งที่ผิดของเต้านมเทียมเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือ การเกิดพังผืดรัด (Capsular Contracture) รอบๆ ถุงซิลิโคน อาจทำให้คุณเจ็บหรือเต้านมผิดรูปร่างได้ คุณจะได้รับการแนะนำอย่างเข้มงวดในการนวดอย่างสม่ำเสมอเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
2. มีอาการชาบริเวณที่หน้าอกและหัวนมได้ ซึ่งจะหายไปได้เอง
การดูแลหลังผ่าตัด และการพักฟื้น
• เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้นและป้องกันการแข็งตัวเป็นแคปซูล หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก แพทย์จะใส่สายระบายน้ำและเลือดที่คั่งอยู่ภายในออกมาจากบริเวณหน้าอก ซึ่งจะพิจารณาให้เอาออกได้ประมาณ 3 วันหลังการผ่าตัด
• งดทำงานหนัก หรือออกกำลังกายหนักในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกไม่ว่าที่ไหนดีก็ตาม
• ต้องสวมผ้ายืดรัดหน้าอกไว้จนกระทั่งแพทย์พิจารณาให้เอาออกได้ คุณอาจรู้สึกตึงแน่น และปวดเมื่อยบริเวณหน้าอกเป็นเวลาสองสามวันหลังได้รับการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• ประมาณหนึ่งสัปดาห์จึงตัดไหมผ่าตัด แต่ร่องรอยจากการผ่าตัดจะหายไปในเวลาสามถึงห้าสัปดาห์
การยกกระชับหน้าอก
“Breast Lift“
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังจากการลดน้ำหนัก หรือหลังการตั้งครรภ์ที่เต้านมขยายใหญ่และหดลง แต่ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้รู้สึกว่าเต้านมแกว่ง ขาดความกระชับ รวมไปถึงการมีตำแหน่งของปานนมและหัวนมต่ำลงไป หรือหัวนมชี้ลงข้างล่างมาก ก็ควรได้รับการผ่าตัดเช่นนี้ โดยการยกกระชับหน้าอกนี้ไม่มีผลต่อการให้นมบุตร แต่ควรเลื่อนการผ่าตัดออกไปหากวางแผนจะมีบุตรเพิ่ม ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาการเสริมหน้าอกโดยใส่ถุงเต้านมเทียมเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มปริมาตรเต้านมทำให้ได้รูปทรงสวยงามดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การดูแลหลังผ่าตัด และการพักฟื้น
• งดทำงานหนัก หรือออกกำลังกายหนักในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัดทำหน้าอกไม่ว่าที่ไหนดีก็ตาม
• ต้องสวมผ้ายืดรัดหน้าอก เพื่อประคองแผลผ่าตัดไว้ จนกระทั่งแพทย์พิจารณาให้เอาออกได้
• คุณอาจรู้สึกตึงแน่น และปวดเมื่อยบริเวณหน้าอกเป็นเวลาสองสามวันหลังได้รับการผ่าตัด
• แพทย์จะนัดมาถอดไหมออกและตรวจเต้านม อีกประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ร่องรอยจากการผ่าตัดจะหายไปในเวลาสามถึงห้าสัปดาห์
• แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรก เนื่องจากมีสีแดง และจางลงจนเหลือเป็นเพียงเส้นนูนสีขาวเมื่อเวลาผ่านไป และจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 1 – 2 ปี
• หลังผ่าตัด เต้านมด้านซ้ายและขวาอาจมีความแตกต่างกันได้บ้าง
• หลังการผ่าตัดคุณอาจรู้สึกชาบริเวณหัวนม อาการชานี้จะหายไปในเวลาหนึ่งถึงหกสัปดาห์ ในบางคนอาจใช้เวลาหนึ่งปีหรือมากกว่าเพื่อให้ความรู้สึกที่หัวนมกลับมาสมบูรณ์ 100%
• การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก และชนิดของยาระงับความรู้สึก
ลักษณะของแผลจะเป็นรูป “ตัว T หัวกลับ (Inverted T Incision)” โดยแผลผ่าตัดอยู่รอบปานนม เพื่อตกแต่งผิวหนังที่หุ้มเต้านมให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับตำแหน่งเต้านมใหม่ และตำแหน่งของหัวนมจะถูกจัดใหม่ให้สูงขึ้น จากนั้นจึงดึงผิวหนังเข้าหากันเพื่อเย็บปิดบาดแผล ด้วยวิธีการนี้จะทำให้เต้านมถูกยกกระชับขึ้น ดังนั้นแผลตามแนวนอนจะซ่อนอยู่ใต้ราวนมบริเวณรอยพับ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่รอยแผลในแนวดิ่งและรอบปานนมจะหายโดยปราศจากแผลเป็นนูน การผ่าตัดยกกระชับทรวงอกเป็นการทำภายใต้การดมยาสลบ โดยระยะเวลาการผ่าตัดประมาณ 1-3 ชั่วโมง